ปรึกษาเราสิค่ะ เราพร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องของคนไม่พร้อมมีลูก
ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่รู้ว่าตัวเองท้องเมื่อมีเพศสัมพันธ์และประจำเดือนไม่มา มีอาการคลื่นใส้ คัดหน้าอก หรืออ่อนเพลียล้วนเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ การทำอุลตร้าซาวด์ หรือการตรวจการตั้งครรภ์เป็นวิธีที่จะรู้ได้ว่าเราท้องหรือไม่
คุณสามารถเริ่มการตรวจการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่วันแรกที่เมนส์ไม่มาและวันต่อๆมา ก่อนหน้าวันที่ประจำเดือนขาด ระดับของฮอร์โมนที่ถูกผลิตเนื่องจากการตั้งครรภ์จะต่ำเกินกว่าที่จะแสดงผลในการตรวจสอบและคุณอาจจะได้รับ “ผลที่ผิดพลาด”
การทำอุลตร้าซาวด์ แพทย์จะสามารถบอกอายุครรภ์ได้อย่างชัดเจน ผู้หญิงยังสามารถคำนวณอายุครรภ์ได้ด้วยตนเอง โดยจะต้องรู้ว่าเมนส์ครั้งสุดท้ายของตนเองมาวันแรกเมื่อไหร่ ให้นับวันนั้นเป็นวันแรกจนมาถึงปัจจุบัน
คุณสามารถใช้ยาทำแท้งอย่างปลอดภัยจนถึงอายุครรภ์ 9 สัปดาห์
การทำแท้งด้วยยาเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรก (บางครั้งก็กำหนดว่าอายุครรภ์ต้องไม่เกินเจ็ดสัปดาห์ ในขณะที่บางทีกำหนดว่าไม่เกินเก้าสัปดาห์) ในปัจจุบันนี้ยอมรับว่าวิธีนี้มีประสิทธิภาพภายในช่วงสามเดือนแรก (12 สัปดาห์) และสามารถใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จในช่วงอายุครรภ์ไม่เกินหกเดือน
การใช้ยา RU-486 และ cytotec ร่วมกันมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพ สามารถเป็นทางเลือกให้กับผู้หญิงในการทำแท้งในช่วง 9-13 สัปดาห์ และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพนอกเหนือจากการทำแท้งโดยใช้เครื่องมือแพทย์
การทำแท้งในช่วง 9 สัปดาห์แรก สถานพยาบาลเบื้องต้นสามารถจ่ายยาให้คนไข้ได้ และ ผู้หญิงสามารถใช้ยานี้ที่บ้านหรือในสถานพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำแท้งด้วยยาหลัง 9 สัปดาห์ถึง 6 เดือนสามารถทำได้ในสถานพยาบาลหรือ โรงพยาบาลเนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
ถ้าคุณตั้งครรภ์เกินกว่า 9 สัปดาห์ และยังคงจะใช้ยาเพื่อทำแท้ง ยาก็ยังจะทำงาน และนำไปสู่การแท้ง แต่จะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น และทำให้คุณมีโอกาสต้องไปพบแพทย์มากขึ้นในภายหลัง หลังได้รับยาอาการที่เกิดขึ้นจะเหมือนการแท้งโดยธรรมชาติ ถ้าคุณต้องการการดูแลโดยแพทย์ฉุกเฉิน คุณควรที่จะบอกหมอว่าคุณแท้งเองโดยธรรมชาติ เพราะผู้หญิงจะมีความผิดในกรณีที่ทำแท้ง อาการและการรักษาจะเหมือนกันทุกประการ
คุณจะเสียเลือด และ มีเนื้อเยื่อออกมาจำนวนมาก เช่นเดียวกับตัวอ่อน (ซึ่งขนาดจะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์) การทำแท้งด้วยยาถือว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยมากกว่าวิธีการที่เป็นอันตรายอื่น ๆ เช่น ใช้ของมีคมใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ การกลืนกินสารเคมีอันตราย หรือการต่อยท้อง ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นอันตรายที่ไม่ควรใช้อย่างยิ่ง ยาสอดไซโตเทค
ระยะเวลาการตั้งครรภ์ | อัตราของผู้หญิงที่จำเป็นต้องรับการดูแลจากแพทย์ต่อ |
0- 49 วัน (0-7 สัปดาห์) | 2 % |
40-63 วัน (7-9 สัปดาห์) | 2.5% |
64-70 วัน (9-10 สัปดาห์) | 2.7% |
71-77 วัน(10-11 สัปดาห์) | 3.3% |
77-84 วัน (11-12 สัปดาห์) | 5.1% |
85-91 วัน (12-13 สัปดาห์) | 8% |
คุณไม่ควรใช้ยาทำแท้งเมื่อ
– มีคนบังคับคุณให้ยุติการตั้งครรภ์
– วันแรกของการมีเมนส์ครั้งสุดท้าย นับถึงปัจจุบัน นานกว่า 9 สัปดาห์
– แพ้ยาไมเฟพริสโตน, ไมโซพรอสทอล หรือ โพรสตาแกลนดิน
– มีโรคดังต่อไปนี้ : ภาวะเลือดออกผิดปกติ, โลหิตจางแบบรุนแรง หอบหืดอย่างรุนแรง
– ใช้ห่วงคุมกำเนิด ซึ่งจะต้องถอดออกก่อนใช้ยานี้
– ตั้งครรภ์นอกมดลูก
– คุณไม่สามารถไปถึงโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลได้ภายในหนึ่งชั่วโมง
– คุณอยู่คนเดียว, คุณควรจะขอให้ เพื่อน หรือคนที่คุณไว้ใจอยู่ด้วยกันกับคุณเมื่อคุณใช้ยานี้
ขอแนะนำให้อยู่กับคนที่ไว้ใจในขณะที่คุณใช้ยา อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่คนเดียวในขณะที่ใช้ยาเพื่อทำแท้ง ควรให้แน่ใจว่าคุณอยู่ใกล้โทรศัพท์ หรือสามารถติดต่อหมอได้ แต่จะดีกว่าถ้ามีคนที่ไว้ใจได้อยู่ด้วยในระหว่างที่ทำ ถ้าเกิดรู้สึกผิดปกติขึ้นมาอย่างรุนแรง ( เช่น การปวดท้องมากเป็นเวลานาน, เลือดออกมาก, ไข้, คลื่นใส้, อาเจียน, ท้องเสีย)
การตั้งครรภ์นอกมดลูกคือการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนอกบริเวณมดลูก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะเมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นสามารถทำให้ท่อนำไข่แตกได้ ซึ่งจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดการทำอุลตร้าซาวด์จะช่วยวินิจฉัยการตั้งครรภ์นอกมดลูก ถ้าคุณใช้RU-486 และ cytotec เพื่อยุติการตั้งครรภ์โดยไมได้ทำอุลตร้าซาวด์ก่อน ก็มีโอกาสที่คุณอาจจะตั้งครรภ์นอกมดลูกโดยไม่รู้ตัวได้ ถ้าคุณไม่มีเลือดหรือเนื้อเยื่อออกมาหลังจากใช้ไซโตเทค อาจจะหมายถึงว่าคุณตั้งครรภ์นอกมดลูกก็ได้ ถ้าคุณรู้สึกปวดท้องหรือหลังอย่างมากขึ้นมาทันที ถ้าคุณรู้สึกว่าอาจจะเป็นลมหรือเกิดเป็นลม คุณอาจจะตั้งครรภ์นอกมดลูกและท่อนำไข่ได้เกิดการแตกออก คุณควรจะไปโรงพยาบาลในทันที